ศึกอลาโม - ศึกอลาโม นิยาย ศึกอลาโม : Dek-D.com - Writer

    ศึกอลาโม

    วีรกรรมของนักรบชาวบ้าน เพียงร้อยกว่าคน กับข้าศึกที่เป็นทหารอาชีพมากกว่า7000 คน

    ผู้เข้าชมรวม

    4,504

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    4.5K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ค. 54 / 16:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องราวต่อไปนี้เป็นอีกบทหนึ่งจากประวัติศาสตร์การสร้างชาติของสหรัฐอเมริกา เรื่องราวของความกล้าหาญของเหล่าชนผู้รักเสรีภาพ แห่งป้อมอลาโม

      ปูมหลัง : ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1821 หลังชนะสงครามประกาศเอกราชกับสเปน ทำให้เม็กซิโกได้ครอบครองดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่ทุกวันนี้ เป็นภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาซึ่งประกอบด้วย เท็กซัส อริโซนา แคลิฟอร์เนีย และนิวเม็กซิโก ดินแดนแถบนี้แห้งแล้งทุรกันดารและเต็มไปด้วยชาวอินเดียนที่ดุร้าย ทำให้มีชาวเม็กซิกันไม่กี่ครอบครัวที่กล้าเข้าไปอยู่ แต่เนื่องจาก รัฐบาลเม็กซิโกต้องการให้เป็นพื้นที่กันชนจากพวกอินเดียน จึงประกาศชักชวนผู้อพยพชาวอเมริกา ให้เข้าไปตั้งรกรากในเท็กซัส โดยเสนอขายที่ดินราคาถูกแก่ผู้อพยพโดยแลกกับการที่ผู้อพยพต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็นเม็กซิกัน

      ในระยะแรกความสัมพันธ์ระหว่างผู้อพยพกับรัฐบาลเม็กซิโกเป็นไปด้วยดี แต่ชุมชนเท็กซัสขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในเวลาเพียงสิบปีก็มีชาวอเมริกันมากถึง 20000 คน และทาสผิวดำอีกพันคน แต่ชาวเม็กซิกันแท้ๆมีเพียง 5000 คน เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เริ่มมีความคิดในหมู่ชาวเม็กซิโกเชื้อสายอเมริกันในเรื่องการที่จะแยกตัวไปรวมกับอเมริกา อีกทั้งทางอเมริกาเองก็รอจังหวะที่จะเจรจาซื้อเท็กซัส ดังนั้นนายพล ซานตา อันนา (Santa Anna) ประธานาธิบดีเม็กซิโก จึงออกกฏหมายห้ามชาวอเมริกันเข้าไปตั้งรกรากเพิ่ม ห้ามไม่ให้มีทาสและไม่ส่งเสริมการสร้างสาธารณูปโภคใดๆ สร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นในหมู่ชาวเท็กซัส และได้ส่งตัวแทนไปเจรจาขออิสรภาพจากรัฐบาลกลาง ซึ่งซานตา อันนาเคยรับปากจะมอบให้เมื่อถึงเวลาอันควร

       

      นายพลซานตา อันนาปฎิเสธและจับกุมสตีเฟน ออสติน( Steven Austin) ผู้เป็นตัวแทนเจรจาขังคุก 8 เดือน ความอดทนของชาวเท็กซัสหมดลง เมืองต่างๆลุกฮือประท้วงไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของเม็กซิโก อีกทั้งมีการระดมกองกำลังป้องกันตนเองโดยมีนายพลแซม ฮูสตัน (Sam Houston) อดีตนายทหารจากเทนเนสซี่เป็นหัวหน้าเพื่อทำสงครามประกาศอิสรภาพจากเม็กซิโก นายพล ซานตา อันนา ผู้มีสมญาว่า นโปเลียนแห่งตะวันตกจึงกรีฑาทัพบุกเท็กซัส

      ฉากการรบ: สำหรับป้อมอลาโม (Alamo) นั้นเดิมทีเป็นสำนักมิสชันนารีสเปน ที่สร่างขึ้นในปี 1718 โดยพวกมิสชันนารีสเปนที่มาเผยแผ่ศาสนาให้กับชนพื้นเมือง และได้ถูกทิ้งร้างไปในเวลาต่อมา จนกระทั่งถึงปี 1836 กองทัพเม็กซิกันเข้าโจมตีเท็กซัส นักรบทหารอาสาเท็กซัสจำนวน 189 นาย นำโดย พันเอก วิลเลียม เทรวิส , จิม โบวี่ และ เดวี่ ครอกเก็ต ได้ใช้โบสถ์เก่าแห่งนี้เป็นที่มั่นโดยเรียกที่นี่ว่า ป้อมอลาโม เพื่อเตรียมรับมือกองทัพเม็กซิกัน โดยจะตรึงกำลังข้าศึกไว้จนกว่านายพลแซม ฮูสตันจะมาช่วย แต่กองทัพของนายพลฮุสตันเป็นเพียงทหารใหม่ที่ ยังไม่พร้อมจะออกรบและไม่อาจจะยกกำลังมาช่วยได้ทันเวลา เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1836 ทหารเม็กซิกันจำนวน 7000 นาย ภายใต้การนำของนายพล ซานตา อันนา ก็เคลื่อนทัพมาถึง ซาน อันโตนิโอ (San Antonio) อันเป็นที่ตั้งของป้อมอลาโม ชาวเท็กซัสทั้ง 189 คนปฏิเสธที่จะยอมจำนน กองทัพเม็กซิกันจึงเข้าล้อมป้อมอลาโมไว้ แต่ก่อนที่จะสั่งโจมตีป้อม นายพลซานตา อันนา ยื่นข้อเสนอให้อพยพผู้หญิงและเด็กทั้งหมดออกจากป้อม หลังจากผู้หญิงและเด็กทั้งหมดออกไปแล้ว กองทัพเม็กซิกันจึงเริ่มเปิดฉากโจมตี ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์

      วันแห่งการรบ: ในวันแรก ขบวนทหารม้าเม็กซิกันเป็นหัวหอกในการเข้าโจมตี แต่ถูกระดมยิงจากปืนใหญ่จนต้องล่าถอยไป ในช่วงสองวันแรกกองทัพเม็กซิกันระดมยิงปืนใหญ่ใส่ป้อม แต่เนื่องจากป้อมตั้งอยู่ไกลเกินไป จึงไม่มีผลอะไร จนถึงวันที่สามฝ่ายเม็กซิกันลากปืนใหญ่เข้าไปใกล้และระดมยิงอย่างหนัก วันที่สี่และวันที่ห้า ฝ่ายเท็กซัสส่งคนไปลอบเผาที่พักข้าศึก และได้ปะทะกับทหารเม็กซิกัน การโจมตียังคงมีอยู่เรื่อยๆ จนถึงวันที่สิบโดยทหารเม็กซิกันโอบล้อมเข้ามาช้าๆในวันที่สิบเอ็ดผู้พันเทรวิสให้ทุกคนเลือกทางของตนเองว่าจะหนีหรือสู้ ไม่มีใครยอมหนีแม้แต่คนเดียว และเมื่อถึงวันที่สิบสาม ซานตา อันนามั่นใจว่าฝ่ายอลาโมอ่อนแรงเค็มที่แล้ว จึงส่งกำลังบุกอีกครั้งในเวลาตีสี่ของวันที่ 6 มีนาคมแต่ถูกฝ่ายเท็กซัสตีถอยร่นกลับ

      ซานตา อันนาสั่งบุกอีกระลอกในตอนตีห้าครึ่งเพราะเกรงว่าถ้ารอนานไปทหารฝ่ายตนจะเสียขวัญมากขึ้น นักรบเท็กซัสสู้อย่างถวายชีวิต ทำให้ข้าศึกสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดกองทัพเม็กซิกันก็สามารถเจาะเข้าทางด้านเหนือของป้อมได้และบุกทพลวงเข้าไปต่อสู้ประชิดตัวจนถึงแท่นหน้าโบสถ์ ผู้พันเทรวิสตายคาที่มั่น ในขณะที่จิม โบวี่ซึ่งกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงสามมารถฆ่าทหารเม็กซิกันได้ห้าคนก่อนโดยรุมแทงตาย ชาวเทกซัสล้มตายกลาดเกลื่อนหลังการรบอันดุเดือดในที่สุดฝ่ายเม็กซิกันก็ได้รับชัยชนะมีผู้รอดชีวิตเพียง 9 คน และถูกจับเป็นเชลย ซึ่งในนั้นมีเดวี่ ครอกเก็ตและร้อยเอกดิคคินสันกับภรรยาและลูกรวมอยู่ด้วย

      ซานตา อันนาปล่อยตัว นางดิคคินสันและบุตรพร้อมกับทาสผิวดำอีก 1คนออกไป นายพลซานตา อันนาแทงเดวี่ คร็อกเก็ต ตายและสั่งให้ยิงทิ้งเชลยทั้ง 5 คนอย่างทารุณ แม้ว่าเม็กซิกันจะได้รับชัยชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่ราคาแพง เนื่องจากต้องแลกด้วยชีวิตทหารเม็กซิกันเกือบ 1700 นาย และจากวีรกรรมของนักรบอลาโมในครั้งนี้เอง ได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยปลุกใจชาวเท็กซัสทั้งหลายให้ร่วมมือกันลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเอกราช จากเม็กซิโก

      บทสรุป: หลังจากการรบที่อลาโมจบสิ้นลง ซานตา อันนาเคลื่อนทัพไปโจมตีผู้ต่อต้านที่เมืองโกเลียต (Goliad)ผู้ต่อต้าน 330 คนสู้ไม่ได้และยอมจำนนแต่กลับถูกยิงทั้งอย่างเหี้ยมโหด ส้รางความโกรธแค้นแก่ชาวเท็กซัสอย่างที่สุด แต่ขณะนั้น ฝ่ายเท็กซัสยังไม่เข้มแข็งพอ นายพลแซม ฮูสตัน จึงล่าถอยไปเรื่อยๆเพื่อหาจังหวะเผชิญหน้าข้าศึก ฝ่ายเม็กซิกันซึ่งได้ชัยชนะมาตลอดเกิดความชะล่าใจ จนถึงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1836 กองทัพหลวงที่มีทหารเม็กซิกัน 1500 นาย ได้ตั้งค่ายพักที่เมืองซานฮาซินโต (San Jacinto)ในขณะเหล่าทหารกำลังนอนพักตอนเที่ยง อันเป็นกิจวัตรประจำวัน ที่เรียกว่า ซีเอสต้า( Siesta) นายพลแซม ฮูสตัน ก็นำกำลังทหารอาสาเท็กซัส900 นาย บุกเข้าโจมตี เหล่าทหารต่างร้องตะโกนกึกก้องด้วยคำว่า " เพื่ออลาโม " ขณะที่บุกเข้าโจมตี การโจมตีใช้เวลาเพียง 15 นาที โดยฝ่ายเท็กซัสตายเพียง 9 คน

       

      หลังการรบ ชาวเท็กซัสได้รับชัยชนะ สังหารทหารเม็กซิกันตายไป 630 นาย บาดเจ็บ 208 นาย และอีก 730 นาย ถูกจับเป็นเชลย ส่วนนายพล ซานตา อันนา ผู้นำเม็กซิโกหนีไปซ่อนตัวในพงหญ้า อย่างไร้ศักดิ์ศรี เมื่อถูกลากตัวมาเขาถูกมีดโบวี่จ่อคอหอยและถูกบังคับให้ลงนามปล่อยให้เท็กซัสเป็นรัฐอิสระ โดยมีนายพลแซม ฮูสตันเป็นประธานาธิบดีคนแรก ต่อมาอีกเก้าปี สาธารณรัฐเท็กซัสก็เข้ามารวมกับที่จะมารวมตัวกับสหรัฐอเมริกาในวันที่ 1 มีนาคม ปี ค.ศ.1845 ทุกวันนี้เรื่องราววีรกรรมของนักรบอลาโมยังเป็นที่จดจำและน่ายกย่องในความ รักชาติ กล้าหาญและเสียสละเพื่อแผ่นดินเกิด ป้อมอลาโมเป็นอีกหนึ่งในตำนานอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา

      ว่างๆแวะมาที่
      http://my.dek-d.com/wipoo/story/view.php?id=237872
      บ้างนะครับ


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×